Our social:

อุทยานแห่งชาติเขาหลวง

ที่ตั้งและแผนที่
อุทยานแห่งชาติเขาหลวง 
หมู่ 4 บ้านร่อน ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช 80230 

โทรศัพท์ : 0 7530 0494 โทรสาร : 0 7530 0494 

อีเมล : Khao_luang@hotmail.com 

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายวิกรานต์ ทั่วด้าว 

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ 
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท 
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท 

อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ได้จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี กำหนดให้ป่าเขาหลวงและป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวม 14 ป่า เป็นอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ได้ทำการสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพพื้นที่บริเวณป่าเขาหลวงจะถูกวาตภัย ในปี พ.ศ. 2505 ทำให้ไม้ขนาดใหญ่ล้มโค่นเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นป่าแห่งนี้ยังมีคุณค่าควรแก่การเก็บรักษาไว้ เพื่อประโยชน์ในการพักผ่อนหย่อนใจ การศึกษา ค้นคว้าวิจัยและคุ้มครองรักษาพันธุ์สัตว์ป่า นับว่าควรค่าแก่การจัดเป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งต่อมาได้มีมติคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จากการประชุมครั้งที่ 1/2517 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2517 เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งเป็นอุทยาน โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาหลวงในท้องที่ตำบลดอนตะโก ตำบลกะทูน ตำบลพิปูน ตำบลยางค้อม อำเภอพิปูน ตำบลละอาย ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง ตำบลพรหมโลก ตำบลบ้านเกาะ ตำบลอินทคีรี อำเภอพรหมคีรี และตำบลเขาแก้ว ตำบลท่าดี ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครสรีธรรมราช ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 91 ตอนที่ 216 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2517 นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 9 ของประเทศ

ขนาดพื้นที่
356250.00 ไร่

หน่วยงานในพื้นที่
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาหลวง
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.1 (นำ้ตกพรหมโลก)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ขล 2 (น้ำตกกะโรม)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ขล.3 (น้ำตกอ้ายเขียว)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.4 (น้ำตกกรุงชิง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.6 (สวนอาย)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.5 (ห้วยคุณ)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.7 (น้ำตกท่าแพ)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.8 (สวนขัน)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.9 (ยอดเหลือง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล.10 (เหนือฟ้า)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ขล.11 (คลองดินแดง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ขล 12 (นบพิตำ)
หน่วยพิทักษ์อุทยานห่งชาติ ที่ ขล.13 (ท่างิ้ว)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ขล.14 (คีรีวง)
หน่วยพิทักา์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขล. 15 (ปากคลอง)

ภาพแผนที่

ลักษณะภูมิประเทศ
ในปัจจุบันอุทยานแห่งชาติเขาหลวงมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ตำบลท่าดี ตำบลกำโลน ตำบลเขาแก้ว อำเภอลานสกา ตำบลละอาย อำเภอฉวาง ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง ตำบลยางค้อม ตำบลพิปูน ตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน ตำบลทอนหงส์ ตำบลบ้านเกราะ ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี ตำบลช้างกลาง ตำบลสวนขัน กิ่งอำเภอช้างกลาง และตำบลกรุงชิง ตำบลนบพิตำ ตำบลนาเหรง กิ่งอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือระหว่างเส้นรุ้งที่ 08 องศา 22 ลิบดา - 08 องศา 45 ลิบดา เหนือ และอยู่ระหว่างเส้นแวงที่ 99 องศา 37 ลิบดา - 99 องศา 51 ลิบดา ตะวันออก พื้นที่อุทยานแห่งชาติครอบคลุมเทือกเขานครศรีธรรมราชตอนกลาง ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนทอดยาวเหนือจรดใต้ขนานไปกับชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก มีที่ราบตามหุบเขาเล็กน้อย ดินบนภูเขาเป็นดินที่เกิดจากการผุสลายของหินแกรนิต มียอดเขาสูงสุดคือ ยอดเขาหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 1,835 เมตร เป็นต้นกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น แม่น้ำตาปี แม่น้ำปากพนัง คลองกรุงชิง คลองเขาแก้ว คลองท่าแพ คลองระแนะ และคลองละอาย อันเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของพื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติเขาหลวง เป็นต้น 

ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ ได้แก่ ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ความเร็วกระแสลม ปริมาณการระเหยของน้ำ จากการรวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ได้ข้อมูลของสถานีตรวจวัดอากาศ จังหวัดนครศรีธรรมราช
1. อุณหภูมิเฉลี่ย
ลักษณะภูมิอากาศ ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของพื้นที่ในแต่ละช่วงปีเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก โดยอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือน มีค่าเปลี่ยนแปลงจาก 25.8 องศาเซลเซียส ในเดือนพฤศจิกายน และเดือนมกราคม จนถึง 28.5 องศาเซลเซียส ในเดือนเมษายนและค่าเฉลี่ยตลอดปีเท่ากับ 27.3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายเดือนเท่ากับ 33.8 องสาเซลเซียส ในเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์
2. ความชื้นสัมพัทธ์
ความชื้นสัมพัทธ์ ของสถานีตรวจวัดอากาศ จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่าค่าเฉลี่ยรายเดือนมีแนวโน้มที่มีค่าสูง แสดงให้เห็นถึงปริมาณไอน้ำในอากาศที่มีอยู่ในปริมาณมาก และค่าความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยรายเดือนจะมีค่าความแปรผันไม่มากนัก โดยค่าความชื้นสัมพัทธ์มีค่าตั้งแต่ 86 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนพฤศจิกายน จนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม และค่าเฉลี่ยความชื้นสัมพัทธ์ตลอดปีเท่ากับ 79 เปอร์เซ็นต์ สำหรับความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ยรายเดือนเท่ากับ 96 เปอร์เซ็นต์ และค่าความชื้นสัมพัทธ์ ต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 57 เปอร์เซ็นต์
3. ลม
กระแสลม ของสถานีตรวจวัดอากาศ จังหวัดนครศรีธรรมราช อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ลมส่วนใหญ่จึงมีทิศทางมาจากด้านตะวันตกเฉียงใต้และในช่วงอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้อ่อนตัวลงประกอบกับอิทธิพลความกดอากาศสูงจากทางเหนือมีกำลังแรง ลมจึงเปลี่ยนมาเป็นทิศเหนือและตะวันออกเป็นส่วนใหญ่ ในส่วนของความเร็วลมนั้น ความเร็วลมรายเดือน

6
เฉลี่ยมีค่าแปรเปลี่ยนตั้งแต่ 1.7 น๊อต (3.15 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ในเดือนตุลาคม จนถึง 3.7 น๊อต (6.85 กิดลเมตร/ชั่วโมง) ในเดือนสิงหาคม โดยมีทิศทางลมด้านตะวันตกเฉียงใต้และความเร็วลมสูงสุดในช่วง 30 ปี เท่ากับ 50 น๊อต (92.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ในเดือนเมษายนและเดือนตุลาคม
4. ปริมาณฝน
ปริมาณฝนรายเดือน ในช่วงสถิติข้อมูล 30 ปี พอสรุปได้ว่า ปริมาณน้ำฝนของพื้นที่อยู่ในเกณฑ์สูง คือ ค่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปีมีค่าเท่ากับ 2,381.3 มิลลิเมตร ทั้งนี้จากการที่มีพื้นที่อยู่ใกล้ทะเลอันเป็นแหล่งไอน้ำ โดยปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนมากที่สุด มีค่าเท่ากับ 643.1 มิลลิเมตร ในเดือนพฤศจิกายน และเป็นเดือนที่มีปริมาณฝนเฉลี่ยช่วง 24 ชั่วโมงมากที่สุด คือ 447.8 มิลลิเมตร และมีจำนวนวันที่มีฝนตกอยู่สูงสุดถึง 22 วัน
5. ปริมาณการคายระเหย
ปริมาณการคายระเหย ของสถานีตรวจวัดอากาศ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณการคายระเหยเฉลี่ยรายเดือน มีความแปรผันอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดยค่าปริมาณการคายระเหยเฉลี่ยรายเดือนมีค่าต่ำสุด 84.7 มิลลิเมตร ในเดือนมีนาคม ซึ่งปริมาณการคายระเหยที่มีค่าต่ำในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และจะมีค่าสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน คือ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม 

พืชพรรณและสัตว์ป่า



พืชพรรณและสัตว์ป่า
เนื่องจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง มีพื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูง โดยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณตั้งแต่ 100 เมตรขึ้นไปถึง 1,835 เมตร มีสภาพภูมิอากาศแบบคาบสมุทร มีฝนตกตลอดปี เนื่องจากพื้นที่เป็นภูเขาสูงทำให้ได้รับน้ำฝนจากมรสุมทั้งสองด้าน คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ความชื้น และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสูง พืชพรรณไม้ที่ขึ้นส่วนใหญ่จึงเป็นสังคมพืชป่าดงดิบชื้น (Tropical Rain Forest)
แต่จากการศึกษาค้นคว้าและทำการสำรวจ สังคมพืชบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาหลวง สามารถจำแนกประเภทของสังคมพืชได้ดังนี้ คือ
1.1 สังคมพืชที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ (Natural Plant Community) ซึ่งสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1.1.1 ป่าดงดิบชื้น (Tropical Rain Forest หรือ Tropical Evergreen Forest) หรืออาจเรียกว่าป่าดงดิบ เป็นป่าไม้ที่มีใบสีเขียวตลอดทั้งปี สภาพป่ารกทึบทั้งในเรือนยอดของไม้ใหญ่ และชั้นไม้พื้นล่าง ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติทั้งหมด พันธุ์พืชซึ่งเป็นพืชประจำถิ่นที่สำคัญ และเป็นไม้ที่มีค่าที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เป็นพืชในวงศ์ Dipterocarpaceae ได้แก่ ไม้ในตระกูลยาง (Dipterocarpus spp.) ตะเคียนทอง (Hopea odorata) ไข่เขียว (Parashorea stellata) ตะเคียนทราย (Shorea gratissima) สยาขาว (S. leprosula) กระบากดำ (S. ferinosa) กระบากขาว (Anisoptera costata) พันจำ (Vatica cinerea) นอกจากนี้ยังมีพันธุ์พืชในวงศ์อื่นๆ ได้แก่ หลุมพอ (Intsia palembanica) เอียน (Neolitsea zeylanica) เชียด (Cinnanomum iners) อบเชย (C. bejolghota) เทพธาโร (C. porrectum) จำปาป่า (Michelia champaca) สังโต้ง (Aglaia andamanica) แดงควน (Eugnia rhomboidea) ชุมแพรก (Hertiera javanica) เสียดช่อ (H. sumatrana) สุเหรียญ (Toona febrifuga) ยมป่า (Ailanthus triphysa) ยวน (Koompassia excelsa) ขมิ้นตอง (Horsfieldia grandis) และขุนไม้ (Podocarpus wallichianus)
สำหรับพันธุ์พืชที่หายากได้แก่ เต่าร้างยักษ์ (Caryota obtuse) รวมทั้งหวายชนิดต่างๆ ในสกุล Calamus ได้แก่ หวายหอม (Calamus javensis) หวายไม้เท้า (C. scipionum) หวายแส้ม้า (C. bousigonii) หวายกำพวน (C. longisetus) สกุล Daemonorops) ได้แก่ หวายขี้ไก่ (Deamonorops brachystachys) หวายจากจำ (D. grandis) หวายขี้เหร่ (D. kunstleri) สกุล Korthalsia ได้แก่ หวายเถาใหญ่ หรือหวายแดง (Korthalsisa grandis) และหวายเถาหนู (K. rigida) นอกจากนี้มีไผ่สกุล Gigantochloa ได้แก่ ไผ่ผาก (Gigantochloa hasskarliana) ไผ่เกรียบ (G. Apus) และสกุล Schizostachyum ได้แก่ เมี่ยงไผ่ (Schzoatachyum blumei) และไผ่โป (S. brachycladum) เป็นต้น
ปัจจุบันเต่าร้างยักษ์ลดจำนวนลงอย่างมาก ซึ่งอาจจะสูญพันธุ์ไปในอนาคต เนื่องจากสภาพนิเวศน์เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ยังมีบัวแฉก (Dipteris conjugate) และบัวแฉกใบมน
(Cheiropleuria bicuspis) ซึ่งเป็นเฟิร์นประจำถิ่นของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง และพืชสำคัญที่เป็นพืชประจำถิ่นประเทศไทย พบเฉพาะถิ่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวงคือ กุหลาบป่า (Rhododendron taiense)
1.1.2 ป่ารุ่นหรือป่าเหล่า (Secondary Forest) เป็นสังคมพืชที่เกิดขึ้นทดแทนสภาพธรรมชาติเดิม ภายหลังการทำลายของมนุษย์ ประกอบด้วยพืชเบิกนำ (Pioneer spicies) ได้แก่ สอยดาวหรือแสด (Mallotus paniculata) กะลอขน (N. barbatus) หัวกา (Macaranga auriculata) กะลอเกลี้ยง (M. denticulate) ปอหูช้าง (M. gigantean) ล่อ (M. tanarius) พังแหรใหญ่ (Trema oreintalis) และเหยื่อจง (Sapium discolor)
1.2 สังคมพืชที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของมนุษย์ (Man-made Plant Community) ได้แก่
พืชที่เกษตรกรรม (Agriculture areas) ได้แก่ สวนยางพารา (Hevea braciliensis) นอกจากนี้ยังมีการปลูก หมาก (Areca catechu) มะพร้าว (Cocos nusifera) ทุเรียน (Durio zibethinus) กาแฟ (Coffea robusta) มังคุด (Garcinia mangostana) ขนุน (Artocarpus hetterophyllus) จำปาดะ (A. integer) เงาะ (Nephelium lappaceum) ลางสาด (Lansium domeatica) สะตอ (Parkia speciosa) พริกไทย (Piper nigrum) และพลู (P. betel)

สัตว์ป่า
ผลการสำรวจชนิด และประชากรสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติเขาหลวง พบว่าอุทยานแห่งชาติเขาหลวง เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าไม่น้อยกว่า 327 ชนิด โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จากการสำรวจพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม 29 วงศ์ 100 ชนิด จำแนกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ได้เป็นสัตว์ป่าสงวน จำนวน 2 ชนิด คือ เลียงผา (Capricornis sumatraensis) สมเสร็จ (Tapirus indicus) สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 จำนวน 29 ชนิด ลิงกัง (Macaca nemestrina) เม่นหางพวง (Atherurus) เสือลายเมฆ (Neofelis nebulosa) เป็นต้น สัตว์ป่าคุ้มครองประเภททที่ 2 จำนวน 7 ชนิด เก้ง (Muntiacus muntjak) กวาง (Cervus unicolor) เสือดำ (Panthera pardus) เสือโคร่ง (P. tiger) และจำนวนตามสถานภาพโดย Humphrey และ Bain (1990) คือ สัตว์ที่ถูกคุกคาม (Threatened species) พบจำนวน 15 ชนิด เช่น ลิงกัง (M. nemestrina) ลิงเสน (M. arctoides) หมีหมา (Helarctos malayamus) ค่างดำ (P. melalophos) ค่างแว่นถิ่นใต้ (P. obscura) เป็นต้น และสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์ (endangered species) จำนวน 9 ชนิด เช่น เลียงผา (Capricornis sumatraensis) สมเสร็จ (Tapirus indicus) เสือดำ (Panthera pardus) ชะนีธรรมดา (Hylobates lar) เป็นต้น
2. สัตว์จำพวกนก จากการสำรวจพบนกทั้งสิ้นจำนวน 157 ชนิด 37 วงศ์ เป็นนกประจำถิ่น 143 ชนิด และเป็นนกอพยพย้ายถิ่น 14 ชนิด ซึ่งจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่สอง จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ ไก่ป่า (Grallus gallus) นกเขาเปล้าธรรมดา (Treron curvirostra) สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 จำนวน 137 ชนิด นอกนั้นไม่ถูกจัดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองหรือสัตว์ป่าสงวนแต่อย่างใด
จากการายงานของ Humphrey และ Bain (1990) พบว่ามีนกที่จัดเป็นนกที่ถูกคุกคาม (Treatened) 6 ชนิด ได้แก่ นกอินทรีดำ (Ictinaetus malayansis) ไก่ฟ้าหน้าเขียว (Lophura ignifa) นกหว้า (Argusianus argus) นกเงือกหัวหงอก (Berenicornis comata) นกเงือกปากดำ (Anorshinus galeritus) และนกกก (Buceros bicornis) และมีจำนวน 2 ชนิด ที่ถูกจัดเป็นนกที่กำลังจะสูญพันธุ์ (endangered) คือ นกชนหิน (Rhinoplax vigil) และนกโพระดกหลากสี (Megalaima raffesii)
3. สัตว์เลื้อยคลาน พบสัตว์เลื้อยคลานจำนวน 11 วงศ์ 40 ชนิด จากการสำรวจพบว่ามีสัตว์เลื้อยคลานที่พบเฉพาะในบริเวณเขาหลวงแห่งเดียวในประเทศไทย 1 ชนิด คือ งูลายสาปมลายู (Amphiesma inas) เต่าจักร (Heosemys spinosa) งูหลามปากเป็ด (Python curtus) งูหลามเหลียมหัวหางแดง (Bungarus flaviceps) และชนิดที่พบเฉพาะในประเทศไทย คือ จิ้งจกนิ้วยาวกำพล (Cnemasopis kumpoli) ตุ๊กแกป่าโคนนิ้วติด (Crytodactylus brevipalmatus) จิ้งเหลนเรียวปักษ์ใต้ (Lyzosoma herberti) งูเขียวดงลาย (Boiga sangsomi)
4.สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พบสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาหลวงจำนวน 5 วงศ์ 12 ชนิด จากการสำรวจ พบว่ามีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่พบเฉพาะบริเวณเขาหลวงแห่งเดียวในประเทศไทยจำนวน 1 ชนิด คือ กบเขาท้องลาย (Rana luctuosa) ชนิดที่หายากคือ กบตะนาวศรี (Ingerna tasanae) และชนิดที่พบเฉพาะในประเทศไทยจำนวน 1 ชนิด ได้แก่ เขียดงูศุภชัย (Ichthyophis supachaii)
5.สัตว์น้ำ จากการสำรวจพบสัตว์น้ำจำพวกปลา 8 วงศ์ จำนวน 16 ชนิด จำพวกปู 2 ชนิด ซึ่งหากมีการสำรวจอย่างจริงจัง คาดว่าจะพบความหลากหลายของสัตว์น้ำมากชนิดกว่านี้ เนื่องจากแหล่งน้ำมนพื้นที่อุทยานฯ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารปริมาณสารอาหารในน้ำยังมีน้อย กระแสน้ำไหลแรง และพื้นท้องน้ำเป็นพื้นหินและทรายเป็นส่วนมาก ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำโดยส่วนรวม ทำให้มีสัตว์น้ำเพียงบางชนิดสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้ 


การเดินทาง
รถยนต์
จากตัวเมืองนครศรีธรรมราชห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 800 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้ทั้งทางเครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์ ส่วนการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติเขาหลวงนั้นเริ่มจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ใช้เส้นทางหลวงจังหวัดหมายเลข 4015 ไปทางอำเภอลานสกา ประมาณ 20 กิโลเมตร จะมีป้ายขนาดใหญ่ “อุทยานแห่งชาติเขาหลวง” ทางขวามือ เดินทางต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรเศษก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ (น้ำตกกะโรม)

สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขล.4 (น้ำตกกรุงชิง) ใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 4016 ผ่านทางเข้าน้ำตกพรหมโลก น้ำตกอ้ายเขียว น้ำตกยอดเหลือง ถึงทางแยกนาเหรงเลี้ยวซ้าย ถึงบ้านห้วยพาน เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหลวงจังหวัดหมายเลข 4188 รวมระยะทางประมาณ 62 กิโลเมตร มีถนนแยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติอีกประมาณ 15 กิโลเมตร 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น