Our social:

Latest Post

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พบชาวบ้านเผาพื้นที่เกษตรใน อ.พบพระ จ.ตาก

พบชาวบ้านเผาพื้นที่เกษตรใน อ.พบพระ จ.ตาก
(28ก.พ.60) นายสุรศักดิ์ คำปาแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ (เตรียมการ) แจ้งว่า เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.60) เวลา 17.00น. เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าน้ำตกพาเจริญที่ 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ไฟป่าขุนพะวอ-น้ำตกพาเจริญ และ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ได้ตรวจสอบพื้นที่ พบชาวบ้านเผาไร่ บริเวณนอกเขตอุทยานฯซึ่งพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน แต่หากไม่สามารถดับทันอาจอาจลุกลามไปในพื้นที่ป่าใกล้เคียงได้อันจะ ส่งผลต่อมลพิษทางอากาศและปัญหาหมอกควัน เจ้าหน้าที่ จึงเข้าจับกุมและส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พรบ.สิ่งแวดล้อม ต่อไป
ทั้งนี้ หากมีการลามเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ อาจมีควาทผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ต้องโทษจำคุกระหว่าง 2 - 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 150,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ สิบสี่ ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ ตาก #สถานีควบคุมไฟป่าขุนพะวอน้ำตกพาเจริญ #เผาป่า#หมอกควัน #DNP1362

อุทยานแห่งชาติศรีพังงา จัดโครงการ" ปลูกป่าเพื่อชีวิต"

อุทยานแห่งชาติศรีพังงา จัดโครงการ" ปลูกป่าเพื่อชีวิต"
(27 ก.พ. 2560) อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ได้ดำเนินกิจกรรมโครงการปลูกป่าเพื่อชีวิตในเขตอุทยานแห่งชาติ (Plants for Life) ณ ศูนย์เรียนรู้การเพาะชำกล้าไม้และการปลูกป่า อุทยานแห่งชาติศรีพังงา โดยมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 40 คน

ที่มา เกียรติกุล ขอจิตต์เมตต์ 
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีพังงา

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

NCAPS แจ้งเตือน !! รวบตัวขบวนการค้าไม้พะยูงปางสีดา ยกแก๊ง

NCAPS แจ้งเตือน !! รวบตัวขบวนการค้าไม้พะยูงปางสีดา ยกแก๊ง

 (17 ก.พ.60) นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน แจ้งว่า วานนี้ (16 ก.พ 60) คณะเจ้าหน้าที่สายตรวจอุทยานแห่งชาติทับลาน ร่วมกับ ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่าวังมืด เจ้าหน้าที่ทหาร ร.2 พัน 3 รอ. และฝ่ายปกครองอำเภอนาดี ได้ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิดบริเวณป่าห้วยคำภู ท้องที่หมู่ 3 บ้านวังอ้ายป่อง ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2560 ระบบ NCAPS ได้แจ้งเตือนว่า เวลา 00.45 น. พบบุคคลกำลังเดินเข้าภายในป่าเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน และเวลา 07.39 น. พบบุคคลกำลังเดินออกมาจากป่าในเขตอุทยานแห่งชาติลาน และในช่วงเวลา 15.38 น. พบกลุ่มบุคคลกำลังเดินถือขวดน้ำเข้าไปในป่าเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันพิจารณาเหตุการณ์แล้วเห็นว่าตามลักษณะพฤติกรรมดังกล่าวน่าจะมีกลุ่มผู้กระทำผิดเตรียมตัวจะออกจากป่า จึงได้ร่วมกันวางแผนนำกำลังดักซุ่มบริเวณทางออกดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. พบชาย 2 คน กำลังแบกเป้เสบียงอาหารขึ้นไปบนป่า จึงได้แสดงตัวและสามารถควบคุมชายชาวไทย จำนวน 2 คน ทราบชื่อ คือ นายจตุรงค์ แสงสุกใส อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 513 ม.12 ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และ นายพิษณุ ยุติธรรม อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 136 ม. 12 ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยทั้งสองคนให้การยอมรับว่าพวกตนกำลังนำเสบียงอาหารขึ้นไปให้กลุ่มลักลอบตัดไม้พะยูง เพื่อเตรียมที่จะขนย้ายไม้พะยูงออกมาจากป่า
จากนั้น เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้วางกำลังดักซุ่มต่อเนื่องจนเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 16 ก.พ.2560 พบกลุ่มคนเดินแบกไม้พยูงลงมาจากป่า จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม และสามารถควบคุมตัวชายชาวกัมพูชา ได้จำนวน 6 คน เป็น พร้อมของกลางไม้พะยูงแปรรูป จำนวน 69 แผ่น จึงได้ประสาน เจ้าหน้าที่ทหาร ร.2 พัน 3 รอ. โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช. ที่ 13/2559 เพื่อควบคุมตัว สืบสวน สอบสวน และขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำผิด ซึ่งต่อมาได้ให้ผู้ต้องหาชาวไทยประสานติดต่อนายทุนให้เข้ามารับซื้อไม้พะยูงได้ จึงได้ร่วมกันวางแผนและสามารถจับกุมชายชาวไทยได้อีก จำนวน 2 คน ทราบชื่อ คือ นายเฉลิมพล ประยูรเธียร อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 127 ม. 2 ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ นายเฉลิมพล สมบูรณ์พงษ์ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 57 ม. 3 ต.คลองทับจันทร์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการแจ้งเตือนของระบบ NCAPS ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 10 คน โดยเป็นชาวไทย 4 คน และชาวกัมพูชา 6 คน ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ ประกอบด้วย อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9MM จำนวน 2 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9MM จำนวน 28 นัด เงินสด 103,600 บาท และ รถยนต์ Nissan รุ่น Teana จำนวน 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อุทยานแห่งชาติทับลาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ หนึ่ง ปราจีนบุรี
#NCAPS #Dnp1362 #สนธิกำลัง #ไม้พะยูง #ป้องกันปราบปราม

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ทะเลสวย น้ำใส อีกหนึ่งที่ท่องเที่ยวอุทยานไทย ห้ามพลาด!!

ทะเลสวย น้ำใส อีกหนึ่งที่ท่องเที่ยวอุทยานไทย ห้ามพลาด!!
สิมิลัน” เป็นภาษายาวี หรือมลายู แปลว่า “เก้า” จึงมีชื่อเรียกกันว่า หมู่เกาะสิมิลัน หรือเกาะเก้า ประกอบไปด้วยเกาะใหญ่น้อย 9 เกาะด้วยกัน เกาะทั้งเก้าเรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง
หมู่เกาะสิมิลัน ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย ลำดับที่ 43 ในปี พ.ศ. 2525 มีขนาดพื้นที่ 128 ตารางกิโลเมตร (80,000 ไร่) และในปี 2541 ได้ผนวกพื้นที่บริเวณ “เกาะตาชัย” เพิ่มอีก 12 ตารางกิโลเมตร เข้าเป็นอุทยานแห่งชาติครอบคลุมพื้นที่เกาะและห้วงน้ำทะเลรอบเกาะที่มีปะการังสมบูรณ์ ในท้องที่เกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา รวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ทะเลอันดามัน ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ห่างจากท่าเทียบเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ประมาณ 70 กิโลเมตร และห่างจากท่าเทียบเรือหาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ประมาณ 90 กิโลเมตร เกาะเมียงหรือเกาะสี่เป็นที่ตั้ง
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ประกอบด้วยพื้นดินที่เป็นเกาะต่างๆ เขาหินแกรนิตสูงชัน หาดทราย โขดหิน ลักษณะรูปร่างต่างๆ ชายฝั่งของเกาะต่างๆ มีลักษณะเว้าแหว่งไม่เป็นระเบียบ เนื่องจากตั้งอยู่ในส่วนทะเลนอก ได้รับอิทธิพลจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลโดยตรง เรียงตัวตามแนวทิศเหนือใต้ พื้นน้ำเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดียตะวันออก บริเวณไหล่ทวีปติดชายฝั่งตะวันตกของจังหวัดพังงาและประเทศพม่า คู่ขนานกับแนวเกาะนิโคบาร์ ที่เป็นไหล่ทวีปของประเทศอินเดีย ตามชายหาดหรือสันทรายจะไม่มีดินเลนให้เห็นจึงเป็นชายหาดที่ขาวสะอาด สวยงาม อนุภาค ทรายมีขนาดเล็กละเอียด ส่วนที่เป็นยอดเขาจะเป็นเขาโดดสูงชัน ยอดเขาสูงสุดมีความสูง 244 เมตร จากระดับน้ำทะเล บางเกาะมีลักษณะแบนราบล้อมรอบด้วยเนินทรายและแนวปะการัง
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน
สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ฉก.พญาเสือ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ลงสำรวจพื้นที่กระบี่ พบมีการบุกรุกอุทยานฯ เพิ่มกว่า 10 ไร่

ฉก.พญาเสือ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ลงสำรวจพื้นที่กระบี่ พบมีการบุกรุกอุทยานฯ เพิ่มกว่า 10 ไร่
วันนี้(15 ก.พ. 60) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยพญาเสือ พร้อมนายโอภาส นวลมังสอ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่5 นายสุรศักดิ์ อนุสร ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 และเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา เข้าตรวจยึดพื้นที่ในท้องที่ ต.อ่าวนาง อ.อ่าวนาง จ.กระบี่ พื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา พบมีการบุกรุกพื้นที่ แผ้วถาง โคนต้นไม้จำนวนมาก กานไม้ และทำไม้ ในพื้นที่ลาดชันเกิน100% พร้อมทั้งมีการแสดงความเป็นเจ้าของโดยการนำ กล้าปาล์มน้ำมัน มาปลูกแซม ในป่าธรรมชาติ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ พบหลักฐาน นำ สค 1 มายื่นที่ดินเพื่อออกเอกสารโฉนดที่ดิน ผู้ยื่นขอออกโฉนดชื่อนายโสภณ อ่อนทอง บ้านเลขที่ 12 ม.5 ต. อ่าวนาง อ. เมือง จ.กระบี่ หัวหน้าหน่วยพญาเสือพร้อมนายอุดมพร ได้เปิดภาพถ่าย ที่มีการถ่ายทอดลงแผนที่ ตามพระราชกฤษฏีกา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา พบว่า นายโสภณฯ ได้ขอออกเอกสารโฉนดที่ดินในเขต อุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา มีเนื้อที่ 13-2-86 และยังพบอีกว่า ในพื้นที่เดียวกันมีผู้ครอบครองซึ่งได้แจ้งชื่อครอบครองแปลงตาม มติ ครม 30 มิย 41 ไว้ จำนวนที่ซ้อนทับ(ในเขต อช) เนื้อที่ 5 -3-12 ไร่เป็นของ น.ส. วัชรินทร ภริตาธนาวรัตน ซ้อนทับอยู่ส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเมื่อพิจารณาแล้วน่าจะมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปแล้ว จนนายโสภณฯ นำที่ดินในแปลงมติ ครม ปี 41 มาออกด้วย นั้น ตามระเบียบแล้ว แปลง มติ ครม 30 มิย 41 ไม่สามารถขาย จ่าย โอนให้กับบุคลอื่นได้ และต้องทำกินต่อเนื่องห้ามมีการบุกรุกเพิ่มเติม แล้วถ้าบุคลใดที่ได้กระทำการดังกล่าว จะถูกเพิกถอนสิทธิทันที แต่ในพื้นที่แปลงที่นายโสภณ อ่อนทอง ได้นำไปออกโฉนดที่ดิน กับที่ดิน จ. กระบี่ ซึ่งบ้างส่วนเป็นป่าและมีสภาพเป็นป่าดิบ ความลาดชันเกินที่กฏหมายที่ดินกำหนด และ จะยึดถือครอบครอง พื้นที่ อุทยานแห่งชาติโดยเจตนาและทำการบุกรุกแผ้วถาง กานไม้ ทำไม้ และปลูกพืชต่างถิ่น ในพื้นที่ อุทยาน
เจ้าหน้าที่ จึงได้ร่วมกันบันทึกตรวจยึด กล่าวโทษกับนายโสภณ อ่อนทอง ข้อหาบุกรุก ยึดถือครอบครอง การทำไม้ โดยเจตนา พื้นที่ อุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา เนื้อที่ 18-3-0ไร่ และพื้นที่ อีกส่วนเป็นป่าที่ติดต่อกันยังนอกเขตอุทยานแห่งชาติ เป็นป่าสงวน อีก 5-0-14 ไร่ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึด ไว้แล้ว
ที่มา : ฉก.อส. พญาเสือ
อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

นักวิจัยฯ กรมอุทยาน ค้นพบพืช 8 ชนิดใหม่ของโลก

นักวิจัยฯ กรมอุทยาน ค้นพบพืช 8 ชนิดใหม่ของโลก
ตั้งชื่อ 'ช้องเจ้าฟ้า' เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ
สำหรับพืชพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบ ได้แก่
1.ช้องเจ้าฟ้า "sirindhorniana"
2.ยมหินปูน "calcicola"
3.ชะนูดต้นแก่งกระจาน
4.หญ้าคางเลือยตะนาวศรี
5.หญ้าคางเลือยเขาใหญ่
6.ว่านแผ่นดินเย็นแม่โขง
7.ว่านแผ่นดินเย็นเมืองตรัง
8.ว่านแผ่นดินเย็นล้านนา "marmorata"
ทั้งนี้ตัวอย่างของพืชชนิดใหม่ทั้งหมด ถูกเก็บรักษาไว้ที่สำนักหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
1.ช้องเจ้าฟ้า ซึ่งเป็นไม้ต้นชนิดใหม่ของโลกที่พบได้ตามเขาหินปูนตั้งแต่บริเวณชายแดนเมียนมา ใน จ.กาญจนบุรี ไปจนถึงดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง และดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ ช้องเจ้าฟ้า ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนอร์ดิก เจอร์นัล ออฟ โบทานี เล่มที่ 32 ในปี 2014 ตั้งชื่อคำระบุชนิดว่า "sirindhorniana" ซึ่งเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยวารสารดังกล่าวระบุว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สนับสนุนอย่างเข้มแข็งในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย

2.ยมหินปูน เป็นไม้ต้นชนิดใหม่ของโลกที่พบขึ้นตามซอกหินปูนบริเวณสวนสวรรค์ วนอุทยานสวนหินผางาม อ.หนองหิน จ.เลย ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Thai ForestBulletin (Botany) เล่มที่ 43 ปี 2015 โดยทีมงานนักพฤกษศาสตร์จากสำนักงานหอพรรณไม้ ร่วมกับทีมงานนักพฤกษศาสตร์ญี่ปุ่น ด้วยคำระบุชนิด "calcicola" หมายถึงหินปูนซึ่งเป็นแหล่งที่พืชชนิดนี้ขึ้นอยู่

3.ชะนูดต้นแก่งกระจาน พบขึ้นตามป่าดิบเขาบริเวณพะเนินทุ่งอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Thai Forest Bulletin (Botany) เล่มที่ 43 ปี 2015 โดยทีมงานนักพฤกษศาสตร์สำนักหอพรรณไม้ร่วมกับทีมงานนักพฤกษศาสตร์จากญี่ปุ่น

4.หญ้าคางเลือยตะนาวศรี เป็นพืชล้มลุกชนิดใหม่ของโลก พบขึ้นตามเขาหินปูนตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีในไทยและเมียนมา ซึ่งในไทยพบได้ที่บริเวณ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และดอยหัวหมด อ.อุ้มผาง จ.ตาก ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Kew Bulletin เล่มที่ 71 ปี 2016


5.หญ้าคางเลือยเขาใหญ่ เป็นไม้พืชล้มลุกชนิดใหม่ของโลกพบขึ้นตามป่าดิบเขา โดยเฉพาะบริเวณเขาเขียว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Kew Bulletin เล่มที่ 71 ปี 2016 

6.ว่านแผ่นดินเย็นแม่โขง เป็นกล้วยไม้ดินชนิดใหม่ของโลก พบในไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ในไทยพบตามป่าผลัดใบทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Phytotaxa เล่มที่ 247 ปี 2016

7.ว่านแผ่นดินเย็นเมืองตรัง เป็นกล้วยไม้ชนิดใหม่ของโลก ดอกกับใบออกไม่พร้อมกัน ออกดอกช่วงต้นฤดูฝนก่อนออกใบ พบในป่าดิบชื้นที่สวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่ายและสวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง จ.ตรัง

8.ว่านแผ่นดินเย็นล้านนา เป็นกล้วยไม้ชนิดใหม่ของโลก ดอกกับใบออกไม่พร้อมกัน พบตามเขาหินปูนในแถบ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ ระบุชนิด "marmorata" หมายถึงใบที่มีลายคล้ายหินอ่อน โดยพืชทั้งสองชนิดอยู่ระหว่างการตีพิมพ์

ทั้งนี้ตัวอย่างของพืชชนิดใหม่ทั้งหมดถูกเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช



วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เร่งดับไฟป่า กาญจนบุรี คาดเหตุจากชาวบ้านจุดหาของป่า

เร่งดับไฟป่า กาญจนบุรี คาดเหตุจากชาวบ้านจุดหาของป่า
นายจรัญ สามงามเขียว หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าสลักพระ-เอราวัณ จ.กาญจนบุรี รายงานว่า วานนี้ (8 ก.พ.60) เวลา 04.00 น.ได้รับแจ้งว่ามีไฟป่าบริเวณบ้านหมอเฒ่า ม.2 ต.ช่องสะเดา
อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าเร่งดำเนินการดับไฟ แล้วเสร็จในเวลา 06.00 น.จากการตรวจสอบพบพื้นที่เสียหายประมาณ 20 ไร่
ในเวลา 14.30 น.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเพิ่มเติมว่าเกิดไฟป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดำเนินการและสามารถดับไฟ เสร็จเวลา 16.20 น.พบพื้นที่เสียหายประมาณ 10 ไร่ ซึ่งสาเหตุ ในการเกิดไฟป่าทั้ง สองจุดเกิดจากประชาชนเข้าไปหาของป่าในพื้นที่
สภาพป่าของพื้นที่ทั้งสองส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณที่มีไม้ไผ่ขึ้นเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงหน้าแล้งไม้ไผ่จะมีการผลัดใบ กิ่งลำต้นบางส่วนแห้งตาย และมีการตายขุย เมื่อเกิดไฟป่า ป่าไม้ซึ่งมีความหนาแน่นของไม้ไผ่ในปริมาณมาก จะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ปัญหาไฟป่าในพื้นที่มีความรุนแรง และเกิดการไหม้ลุกลามอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้การควบคุม และดับไฟป่ากระทำได้ยาก ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งทางกายภาพ และชีวภาพ อีกทั้ง จังหวัดกาญจนบุรี มีสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง จึงเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าได้ง่าย
การจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในเขตป่าอนุรักษ์ มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 150,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้จะเป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น หรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นไฟไหม้ป่า หรือไฟไหม้ตามสถานที่ต่างๆ สามารถแจ้งเหตุได้ที่ สายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง






วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กรมอุทยานฯ - กรมศุลฯ - ตร. ร่วมแถลงข่าวตรวจยึดเกล็ดลิ่นลักลอบผ่านแดน จำนวน 2.9 ตัน มูลค่า กว่า 29 ล้านบาท

กรมอุทยานฯ - กรมศุลฯ - ตร. ร่วมแถลงข่าวตรวจยึดเกล็ดลิ่นลักลอบผ่านแดน จำนวน 2.9 ตัน มูลค่า กว่า 29 ล้านบาท
วันนี้ ( 2 ก.พ. 2560) เวลา 10.00 น.นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรี วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดเกล็ดลิ่นลักลอบผ่านแดนจากทวีปแอฟริกา จำนวน 2.9 ตัน มูลค่าประมาณ 29 ล้านบาท ณ กรมศุลกากร คลองเตย
สถานการณ์การลักลอบค้าลิ่นและเกล็ดลิ่นในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ลิ่นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ในการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ครั้งที่ 17 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กันยายน – 5 ตุลาคม 2559 ณ นครโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับระดับลิ่นขึ้นเป็นสัตว์ในบัญชี 1 ของอนุสัญญา CITES ซึ่งห้ามนำเข้า ส่งออก และนำผ่านอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับงาช้าง นอแรด เสือ โดยให้มีผลบังคับเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 และได้มีข้อตัดสินใจที่กำหนดให้มีการบังคับใช้กฎหมายในการจัดการการค้าลิ่นผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด และเสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและระหว่างประเทศ เพื่อร่วมมือในการดำเนินการและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเส้นทางการค้า รูปแบบ และการบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อสู้กับการค้าลิ่นผิดกฎหมาย
ด้วยเหตุนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรจึงได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยและโลก ด้วยการดำเนินการตามมติที่ประชุมของภาคีอนุสัญญา CITES โดยให้กรมศุลกากรบูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมทั้งได้สั่งการมอบหมายให้ นายไพศาล ชื่นจิตร ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นายวรวุฒิ วิบูลย์ศิริชัย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นายสรศักดิ์ มีนะโตรี ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเดชา วิชัยดิษฐ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปราม และนายเชาวน์ ตะกรุดเงิน หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 2 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 ร่วมกันวางแผนสกัดกั้นขบวนการลักลอบลิ่นและเกล็ดลิ่นผิดกฎหมาย
จากการประสานความร่วมมือของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้มีการบูรณาการการข่าวและการสืบสวนติดตามขบวนการลักลอบค้าเกล็ดลิ่นข้ามชาติในเส้นทางเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และทราบว่าจะมีการลักลอบนำเกล็ดลิ่นจากประเทศคองโกผ่านประเทศไทย อ้างว่าเป็นสินค้าผ่านแดนไป สปป.ลาว ข้อเท็จจริงปรากฏ ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2559 เที่ยวบินที่ TK064 เจ้าหน้าที่ได้อายัดสินค้าสำแดงชนิดสินค้าเป็น SCALES (เกล็ด) จำนวน 24 หีบห่อ น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม ขนส่งจากเมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ด้วย ผ่านประเทศตุรกีและประเทศไทย ปลายทางเวียงจันทน์ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยด้วยการเอ็กซเรย์ ผลปรากฏพบ เกล็ดลิ่น น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม
2. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2559 เที่ยวบินที่ TK064 เจ้าหน้าที่ได้อายัดสินค้าสำแดงชนิดสินค้าเป็น SCALES (เกล็ด) จำนวน 10 หีบห่อ น้ำหนัก 500 กิโลกรัม ขนส่งจากเมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ด้วย ผ่านประเทศตุรกีและประเทศไทย ปลายทางเวียงจันทน์ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยด้วยการเอ็กซเรย์ ผลปรากฏพบ เกล็ดลิ่น น้ำหนัก 500 กิโลกรัม
3. เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 เที่ยวบินที่ TK064 เจ้าหน้าที่ได้อายัดสินค้าต้องสงสัยอีก 1 รายการ สำแดงชนิดสินค้าเป็น SCALES (เกล็ด) จำนวน 24 หีบห่อ น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม โดยใช้เส้นทางเช่นเดียวกับคดีข้างต้น และทำการตรวจสอบสินค้าต้องสงสัยด้วยการเอ็กซเรย์ ผลปรากฏพบ เกล็ดลิ่น น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม
หลักการของอนุสัญญา CITES การส่งออกสัตว์ตามบัญชี 2 จะต้องได้รับใบอนุญาต CITES จากประเทศ ผู้ส่งออกและรับรองว่าไม่กระทบกระเทือนต่อการดำรงอยู่ในธรรมชาติ หากไม่มีการอนุญาตส่งออกจะไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศปลายทางได้ ซึ่งทั้ง 3 กรณีข้างต้น ตัวแทนออกของไม่สามารถนำใบอนุญาต CITES ตัวจริงมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ประกอบกับต้นทางของสินค้าเป็นประเทศเสี่ยงในการลักลอบเกล็ดลิ่น เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดสินค้าทั้งหมดเพื่อนำไปตรวจสอบโดยละเอียด โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ประสานความร่วมมือไปยัง สปป.ลาว เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตนำเข้า ซึ่งต่อมาได้รับการยืนยันว่าไม่มีการออกใบอนุญาตนำเข้าเกล็ดลิ่นแต่อย่างใด และสำนักงานเลขาธิการ CITES ได้ประสานงานสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาตส่งออก ผลการตรวจสอบพบว่าสำเนาใบอนุญาตส่งออกนั้นไม่ถูกต้อง พร้อมให้สืบสวนข้อเท็จจริงในการออกใบอนุญาตส่งออกดังกล่าว
กรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐานนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พระพุทธศักราช 2469 ประกอบมาตรา 16 และมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 นำผ่านสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่าหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 23 และมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเกล็ดลิ่นทั้งหมดไว้เป็นของกลาง สำนวนคดีส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน กรมศุลกากรได้เคยตรวจยึดเกล็ดลิ่นจากทวีปแอฟริกามาแล้ว จำนวน 9 คดี น้ำหนักของกลางรวม 3.4 ตัน มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท คดีส่วนใหญ่มีต้นทางจากประเทศไนจีเรีย ผ่านประเทศตุรกี ประเทศไทย เพื่อไปยังปลายทาง สปป.ลาว
ที่มา 


ข้อมูล : กรมศุลกากร
ภาพ : ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติฯ

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เขาคิชฌกูฏ จัดระเบียบใหม่ หวังประชาชนเข้าใจ เพื่อความสะดวกปลอดภัยและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติฯ

เขาคิชฌกูฏ จัดระเบียบใหม่ หวังประชาชนเข้าใจ เพื่อความสะดวกปลอดภัยและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติฯ

งานนมัสการรอยพระพุทธบาท ( พลวง ) เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ปีนี้ กำหนดเปิดให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน นักแสวงบุญขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทได้ตลอด 24 ชั่วโมงในระหว่างวันที่ 28 มกราคม ถึง 28 มีนาคม 2560
เมื่อวันที่ 31 ม.ค 60 นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า งานนมัสการรอยพระพุทธบาท ( พลวง ) เขาคิชฌกูฏปีนี้ และอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏและทางจังหวัดได้เน้นเรื่องของความปลอดภัย และ ความสะอาด อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อความปลอดภัยของประชาชน จึงมีการวางระเบียบใหม่ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติหลายเรื่อง โดยสำหรับรถบริการของคนในท้องถิ่นอำนวยที่ความสะดวก รับ –ส่ง ขึ้นเขา รวม 142 คัน แบ่งเป็น 3 คิว คือ ที่วัดพลวง / วัดกระทิง และ หน้าที่ว่าการอำเภอเขาคิชฌกูฏ โดยสามารถให้รถวิ่งยาวจากพื้นราบไปบนยอดเขาจุดพระศิวลีได้ ไม่มีการต่อรถ กลางเขาเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา อัตราค่าโดยสารเที่ยวละ 100 บาทแต่ละเที่ยวรถจะใช้เวลา ขึ้น - ลงเขาประมาณ 1 ชั่วโมง จากระยะทาง 9 กิโลเมตร 148 โค้ง ซึ่งรถบริการให้บรรทุกผู้โดยสารได้คันละ 10 คน รวมคนขับเป็น 11 คน ร้านค้าที่เคยอำนวยความสะดวกขายของบนยอดเขา ยกเลิกไม่ให้มีร้านค้าทั้งสิ้น ส่วนดอกไม้โดยเฉพาะดอกดาวเรืองให้ผู้ที่ขึ้นไปกราบไหว้วางไว้ได้ที่เนินพระเมตตาซึ่งอยู่ห่างจากรอยพระพุทธบาทประมาณ 800 เมตร ในส่วนของรอยพระพุทธบาทห้ามนำดอกไม้เข้าไปวางสักการะ เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้เห็นรอยพระพุทธบาทอย่างชัดเจนและเป็นการบริหารจัดการเรื่องขยะ ส่วนอาหารขอให้ประชาชนที่จะขึ้นไปบนยอดเขาเตรียมอาหารและน้ำดื่ม ขึ้นไปด้วยตนเอง และหลังจากรับประทานเสร็จให้เก็บขยะลงมาทิ้งด้านล่าง เนื่องจากร้านอาหารด้านบนที่เคยมีถูกยกเลิกการให้บริการทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนที่ขึ้นไปได้ชื่นชมทัศนียภาพ ธรรมชาติที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในส่วนของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ปีนี้มีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานฯ ตามระเบียบของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในอัตราผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท เด็ก 50 บาท และเปิดให้ขึ้น - ลง เขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่ประสงค์จะเดินเท้าขึ้นเขาก็สามารถเดินขึ้น ลง เขาได้ตามสะดวก แต่ขอให้เตรียมอาหาร และน้ำดื่มขึ้นไปเอง รวมทั้งหากขึ้นกลางคืนเตรียมไฟฉายส่องสว่างด้วยก็จะดี ซึ่งทางอุทยานฯ จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยตลอดเวลา
ที่มา
ข้อมูล : สำนักอุทยานแห่งชาติ
ภาพ : นายนิพนธ์ ภิญโญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ